France in my journey

สวัสดี ทุกคนนะครับที่ได้สละเวลาเข้ามาอ่าน ประสบการณ์การเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนของผม _/_ ก่อนอื่นผมขอ แนะนำตัว ชื่อจริงผม นายปิยฉัตร ยิ้มสกุลกาญจน์ ชื่อเล่น ตุลย์ อายุ17 ปี ผมอยู่ จังหวัดเชียงราย และต่อจากนี้จะเป็นการเล่าประสบการณ์ ของผมตลอดระยะเวลา 2 เดือนที่ผ่านมา ในฝรั่งเศส 25 สิงหาคม 2560 เวลา 00:05 เป็นเวลาที่จะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของผม นั่นคือการจากบ้านเกิด จากครอบครัวจากเพื่อนจากอาหาร จากทุกๆสิ่งในไทย และรวมไปถึงการขึ้นเครื่องบินครั้งแรกไปต่างประเทศ และเป็นการเดินทางไป ทวีปยุโรปครั้งแรกเช่นกัน ตื่นเต้นเล็กน้อยครับ เวลาที่ผมต้องขึ้นเครื่องคือ 00:20 ผมนั่งชั้นประหยัด ชั้นที่ 2 ใกล้กับประตูฉุกเฉิน นั่งใกล้กับ แอร์โฮสเตส และ สจ๊วต การเดินทางครั้งนี้ใช้เวลา ประมาณ 12 ชั่วโมง จากไทยถึงฝรั่งเศส (การบินไทย TG930)

image_037

ระหว่างเดินทาง มีอาหารให้รับประทาน 2 ครั้งครับ พี่สจ๊วตบอกว่า “กะเพราไก่การบินไทยนี่ อร่อยที่สุดเลยนะ” ฮ่าๆ หน้าตามันก็จะประมาณนี้ ^^ กินเสร็จผมก็หลับครับ หลับทั้งคืนครับ ฮ่าๆๆ

image_038-1
image_039

และแล้วแอร์โฮสเตส บอกว่าเครื่องกำลังจะลงเมื่อได้ถึงที่หมาย พอหลังจากที่เครื่องลงในเวลาประมาณ 8:30 ผมนี่โอ้โห !! ตื่นเต้นครับ ครั้งแรก จะได้เหยียบแผ่นดินยุโรปพอลงจากเครื่อง ก็เดินตามทาง จนเห็นคนต่อแถว นั้นแหละคือ ตม. ครับ พอถึงเขาก็จะเรียกเราหน้าช่องกระจกของแต่ละคน แล้วก็ถามนิดหน่อยไม่ต้องเกร็งเลยครับทำตัวปกติ ตม.ถามผมว่า “เป็นนักเรียนเหรอ” ผมก็ตอบ “ใช่ครับ” ก็สามารถผ่านเข้ามาได้เลย หลังจากผ่าน ตม. มาแล้ว ก็ไปเอากระเป๋าครับ (หนักมาก555 ) ในส่วนของกระเป๋าของผม การบินไทย ได้30 กิโลกรัม และสัมภาระขึ้นเครื่อง ได้ 7 กิโลกรัมครับ พอเสร็จจากเอากระเป๋าสัมภาระเรียบร้อยก็เดินตามทางเลยครับหาทางออก พอออกจากประตูจะเจอเจ้าหน้าที่ของโครงการถือป้าย ของผมเป็น โครงการ P I E (คือโครงการในต่างประเทศของฝรั่งเศสครับ)

image_040

หลังจากที่ รับเราเขาก็พาไปขึ้นรถบัส ซึ่งในรถบัสก็มีหลายชนชาติในเอเชีย ไต้หวัน ญี่ปุ่น ไทย ครับ และเราก็ได้ไปพักที่โรงแรมครับผม ชื่อ โรงแรมว่า FIAP ในโครงการก็จะมีเพื่อนต่างชาติเยอะมากครับ ประมาณ 100 คน มีทั้ง อเมริกา ไต้หวัน ญี่ปุ่น เม็กซิโก ฟินแลนด์ ฯลฯ เราอยู่ในนั้น ทำกิจกรรมร่วมกัน กินข้าวร่วมกัน อยู่ในค่าย 9 วัน ตอนเช้าเรามีเรียนภาษาฝรั่งเศส และตอนบ่าย ทางโครงการได้พาเราไปเยี่ยมชม สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในปารีส เช่น หอ ไอเฟล ,พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ ,สวนลุกซอมบูร์ก , มหาวิหารน็อทร์-ดาม,ประตูชัย – ถนนชองป์เอลิเซ่ เป็นต้น

พอมาถึงบ้านก็เก็บข้าวเก็บของละนี่คือห้องนอนผมที่นี่ครับ รกนิดนึงครับพึ่งถึงอ่ะเนอะ ฮ่าๆ อ่อ! ที่ที่ผมอยู่จะอยู่คือทางตะวันตก ของฝรั่งเศส อยู่แคว้น เบรอตาญ ห่างจากปารีสประมาณ 400 กิโลเมตร มีฝนตกค่อนข้างเยอะและมีลมพอสมควรเพราะติดกับทะเล และหลัง จากนี้ก็ทำตัวตามปกติครับเพราะนี่คือบ้านหลังใหม่ของเราวันต่อมา โฮสเขาก็พาไปซื้อของ ไปดู ไปสำรวจโรงเรียน เพราะอีกวัน ผมต้องไป โรงเรียนแล้ว ได้มีเวลาพัก 1 วันก่อนไปโรงเรียน

image_042

เมื่อ ถึงวันที่ผมต้องไปโรงเรียนวันแรก เดินทางโดยรถบัส รถบัสที่นี่ตรงเวลามาก บางครั้งมาก่อนเวลาด้วยซ้ำ ผมต้องตื่น ตี 5:30 และ ทำภารกิจส่วนตัว ให้เรียบร้อยก่อน 6:30 และต้องไปยืน รอรถบัสหน้าบ้านครับผม รถบัส มาเวลา 6:34 ใช้เวลาเดินทางไปโรงเรียน 1 ชั่วโมงครับ ค่อนข้างไกล ไปโรงเรียนวันแรก ตื่นเต้นที่สุดไปเลย กลัวไม่มีเพื่อน ฮ่าๆ แต่จริงๆไม่ใช่แบบนั้นเลยครับ ผมเข้าไปเรียนคาบแรกเป็นคาบที่ครูประจำชั้นพบปะกับนักเรียนครับเพราะเป็นวันเปิดเทอมวันแรก พอผมเข้าไป ผมก็นั่งอยู่คนเดียว ผมคิดในใจว่าไม่มีเพื่อนแน่ๆ แต่พอเลิกคาบมันไม่เป็นอย่างที่คิด เพื่อนๆ มายืนมุงที่โต๊ะผม ถามนั่นถามนี่ มาจากที่ไหน อะไรยังไง มีอะไรให้ช่วยก็บอกได้ เป็นกันเองมากๆครับ ต้อนรับเป็นอย่างดีเลยทีเดียว และในส่วนของวิชาที่ผมเรียน ที่โรงเรียนจะมีวิชา อังกฤษ วิชาวรรณกรรมอังกฤษ วิชาฝรั่งเศส วิชาวรรณกรรมฝรั่งเศส วิชาภาษาที่3 (แล้วแต่จะเลือกครับ ที่ โรงเรียน จะมี เยอรมัน และ สเปน ในส่วนของผม โฮสให้เรียน เยอรมันครับ ถามว่ารู้เรื่องไหม? แค่ฝรั่งเศสก็ปวดหัวอยู่แล้วครับ ฮ่าๆ) วิชาพละ ประวัติศาสตร์-ภูมิศาสตร์ วิชา วิทยาศาสตร์ วิชาฟิสิกส์-เคมี ประมาณนี้ครับ เรียน จันทร์-ศุกร์ วันพุธ เรียนครึ่งวัน เสาร์ อาทิตย์ก็พักตามปกติครับผม และที่โรงเรียน ผมกินข้าวเที่ยงที่ โรงอาหารของโรงเรียน ใช้การ์ดเพื่อแลกถาดรองอาหารครับ

ผมเรียนที่ โรงเรียนได้ประมาณ 2 อาทิตย์ โฮสเขาต้องไป ล่องเรือสำราญกับครอบครัวที่อยู่อีกแคว้นนึง ชื่อว่าแคว้น Alsace อยู่ทางตะวันออกของฝรั่งเศส ตรงข้ามกับผมที่อยู่คือฝั่งตะวันตก ผมก็ต้องไปด้วย แต่ผมไม่ได้ไปล่องเรือกับเขา เพราะ เขาจองตั๋วเรือสำราญก่อนที่เขาจะรับผมเข้ามาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนในครอบครัว เขาไปล่องเรือ 1 อาทิตย์ และหลังจากที่เขากลับมาเขาจะพาไปเที่ยวอีก1 อาทิตย์ผมได้หยุดเรียนเพื่อไป ฮอลิเดย์ กับครอบครัว ตั้งแต่วันที่ 21 กันยายน ถึง 9 ตุลาคม เราเอารถส่วนตัวไป 3 คน และ สุนัขอีก 2 ตัว ผมอยู่กับป้าและน้า ระหว่างที่โฮสไปล่องเรือ ก่อนไป โฮสเดินมาจับไหล่ ละบอกว่า ขอโทษ ที่เป็นแบบนี้ เดี๋ยวกลับมาจะพาไปเที่ยว ละจะพาไปกินร้านอาหารจีน คุณโอเคไหม? ผมก็บอก โอเค ไม่มีปัญหา แล้วโฮสเขาก็พูดว่า โอเคนะ ขอโทษด้วย แค่เห็นคุณยิ้ม หัวเราะ ผมก็มีความสุขแล้ว แล้วเขาก็ไปครับ 1 อาทิตย์ เขากลับมาผมก็ได้มีโอกาสไปเที่ยวหลายที่เลยครับทั้ง ปราสาท Haut-koenigsbourg ปราสาท Hohlandsbourg ทั้งหมู่บ้าน Alsace พิพิธภัณฑ์รถ ทะเลสาบ Titisee ในเยอรมันนี เมืองหลวงแห่งยุโรป Strasbourg สวยงามมาก ครับ อยากให้ครอบครัว พี่น้อง ของผมได้มาเห็น บางครั้งภาพถ่ายมันไม่สามารถสื่อถึงอารมณ์และบรรยากาศ ณ ตอนนั้น

image_043
image_044

จากนั้นก่อนวันกลับ คือวันเกิดโฮส อายุครบ 40 ปี ซึ่งเขาชอบร้องเพลงมาก ของขวัญวันเกิดที่เขาขอจากผม คือเขาอยากให้ผมร้องเพลงไทยในงานวันเกิด ซึ่งผมก็ร้องเพลงไม่ค่อยเป็นซะด้วย แต่ผมต้องทำให้ดีที่สุดเพราะคนมาร่วมงานประมาณ 70 ชีวิต ทุกสายตาจับจ้องมาที่ผม ซึ่งเพลงที่ผมใช้ร้องคือ ไถ่เธอคืนมา-พงษ์สิทธิ์ คำภีร์ (ออกแนวเพื่อชีวิตหน่อยนะครับ ฮ่าๆๆ) ผมไม่ได้ฝึกซ้อมเลยเพราะโฮสบอกผมก่อนถึงวันงานแค่ 2 วัน ต้องขอบอกเลยครับว่า งานนี้ สดๆ แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดีครับ

image_045

แล้วจากนั้นผมก็กลับมาเรียนตามปกติครับประมาณ 2 อาทิตย์ แล้วหลังจากนั้นก็เป็นวันหยุดยาว 2อาทิตย์ ซึ่งวันที่ 23 ตุลาคมเป็นวันเกิดของผม ผมก็ได้มีโอกาสเล่าว่า 23 ตุลาคมเป็นวันสำคัญของไทย เป็นวันคล้ายวันสวรรคตของ รัชกาลที่ 5 และ เล่าถึงพ่อหลวงรัชกาลที่ 9 เล่าสิ่งดีๆวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของประเทศไทยไม่ว่าจะไปงานไหนผมจะพยายามเล่า อธิบาย ให้ทุกๆคนได้รู้จักประเทศไทย และทางโฮส เขาบอกให้ผมทำอาหารไทย ซึ่งผมตกใจและตื่นเต้นเล็กน้อย ฮ่าๆ เพราะที่นี่กับไทย วัตถุดิบมันต่างกัน แต่ผมก็รับปากไปแล้วว่าผมจะทำ และผมก็ทำมันออกมาได้ผลตอบรับที่ดีครับทุกคนชอบมาก กินกัน เอร็ดอร่อย เราจัดปาร์ตี้เล็กๆกันในบ้าน และโฮสผมบอกว่า ที่นี่ อายุ18 มันสำคัญมาก มันเหมือนคุณโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ คุณสามารถทำสิ่งต่างๆที่คุณต้องการ

ก่อนจากกัน ผมอยากจะพูดถึงความคิดเห็น Culture Shock หรือ ความแตกต่างทางวัฒนธรรม สำหรับผม ที่เห็นได้ชัดอย่างแรกเลยคือ วัฒนธรรมการกินของคนฝรั่งเศส ใช้เวลาในการอยู่บนโต๊ะอาหารนานพอสมควรในมื้อปกติ และนานมากในมื้อสำคัญเช่น งานวันเกิด หรือญาติมาเที่ยวหาที่บ้าน ใช้เวลาอย่างน้อย 3-4 ชั่วโมง (ถ้าอยากทราบลำดับขั้นตอน ก็สามารถมาสอบถามได้ผมจะเล่าคร่าวๆในภาพรวมแล้วกันนะครับ) ต่อไป การแสดงความรักในที่สาธารณะ ถือเป็นเรื่องปกติของทีนี่ เช่น การกอด จูบ เพราะ ประเทศต่างๆ ในยุโรปส่วนใหญ่ค่อนข้างเป็นประเทศเปิด เป็นต้น

และนี่ก็เป็นประสบการณ์ในการมาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนของผม ตลอด 2เดือนที่ผ่านมา และผมต้องใช้ชีวิตในต่างแดนอีกประมาณ 8 เดือนต่อจากนี้ และขอบอกว่าตั้งแต่เด็ก ผมอยากไปเที่ยวต่างประเทศมาก อยากรู้ อยากเห็นว่าต่างประเทศเป็นยังไง แต่พอได้มาสัมผัส ทุกอย่างมันไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดเสมอไป มันมีทั้งสุข ทั้งทุกข์ ท้อแท้ สิ้นหวัง ปะปันกันไปนี่แหละเราเรียกมันว่ารสชาติชีวิต ชีวิตการแลกเปลี่ยนไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป และอย่าลืมว่ากุหลาบถึงจะเป็นดอกไม้ที่สวยงาม แต่ก็มีหนามที่แหลมคม การมาแลกเปลี่ยนมันเหมือนเป็นบททดสอบในชีวิตอย่างหนึ่ง และมันสอนให้เราใจเย็น อดทนต่อสู้กับปัญหาต่างๆที่เข้ามา สอนการเข้าสังคมใหม่ สอนการใช้ชีวิตที่ต้องพึ่งพาตนเอง เพราะ ที่นี่ไม่มีใครรู้จัก ไม่มีใครช่วยเหลือเราได้ดี เท่าตัวเราเอง

และผมขอเป็นกำลังใจให้น้องๆที่สนใจจะมาแลกเปลี่ยนศึกษาวัฒนธรรม หรือกำลังสอบและรอผลการสอบ และเพื่อนๆที่กำลังเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนครับ ขอให้ทุกคนสู้อย่าพึ่งสิ้นหวัง เพราะผมคิดว่าการมาแลกเปลี่ยนมันคุ้มค่าจริงๆ เพราะไม่ใช่ทุกคนจะมีโอกาสได้มาเรียนรู้ แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม เห็นสถานที่สำคัญต่างๆเห็นผู้คนเห็นบ้านเมือง อาหาร วิถีชีวิต กันง่ายๆ สุดท้ายนี้ถ้ามีความผิดพลาดประการใดเกิดขึ้น ผมต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยเพราะนี่เป็นการเขียนเล่าเรื่องราวครั้งแรกของผมและผมต้องขอขอบคุณครอบครัว ขอบคุณคุณครู ขอบคุณทาง Y E S ด้วยที่ให้การสนับสนุนเป็นกำลังใจเป็นอย่างดีและขอขอบคุณผู้อ่านผู้ชมทุกท่าน ที่เข้ามาร่วมอ่านประสบการณ์ของผมในดินแดนน้ำหอม ดินแดนแห่งไวน์ ที่สุดแสนโรแมนติก นี้ครับ ขอบคุณครับ _/_

---- จะพลาด จะแพ้ จะผิดหวัง ขอให้เกิดขึ้นหลังคำว่า ”ทำให้ดีที่สุด” ---
—- จะพลาด จะแพ้ จะผิดหวัง ขอให้เกิดขึ้นหลังคำว่า ”ทำให้ดีที่สุด” —
Click to rate this post!
[Total: 0 Average: 0]