มาเยือนฟินแลนด์ แล้วไม่ฟินได้ไง

สวัสดีผู้อ่านทุกท่านนะครับ ผมพศวัต ทองกาวแก้ว ชื่อเล่นปังปอนด์ แต่มาทำภารกิจสุดยิ่งใหญ่ เราคิดว่ามันยิ่งใหญ่มากนะสำหรับครั้งหนึ่งในชีวิต คือการเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ประเทศฟินแลนด์ ดินแดนตอนเหนือในทวีปยุโรป ในแถบสแกนดิเนเวีย ซึ่งเป็นการแลกเปลี่ยนของเราในตอนอยู่มอหกด้วย ได้ไปเรียกได้ว่าไปอายุสิบแปดที่นู้นด้วยหุหุ และนี้คือประสบการณ์ที่เราได้สัมผัสในเวลาเกือบสองเดือน

ขอเริ่มต้นด้วยคืนวันที่ 30 กันยายน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ เวลา 23:00 น. ประมาณ 3 ชั่วโมงก่อนเวลาเครื่องออก ซึ่งเป็นเวลาที่เจ้าหน้าที่ YES นัดเวลาเอาไว้ เพื่อ ที่จะแนะนำสิ่งต่างๆ เหตุผลที่ผมได้เดินทางช้าคือผมขอสอบปลายภาคก่อนซึ่งผมสอบเสร็จวันที่ 29 กันยา ย้ำ 29 กันยา แน่นอนว่าของบางอย่างเล่นเตรียมเอาเช้าวันที่ 30 กันยา เลยก็ว่าได้ และที่โหดร้ายไปกว่านั้นก็คือผมไม่ได้กลับบ้านก่อนเดินทาง คือโรงเรียนเราเป็นประจำหลังจากแม่ไปรับที่โรงเรียนหลังสอบเสร็จก็เตรียมบินเลย เพราะบ้านอยู่ไกลจากโรงเรียนจะวนกลับไปบ้านก่อนก็ไม่ใช่เรื่องเพราะเสียเวลามากแล้วกับการขอเลื่อนวันบิน เที่ยวบินของผมเป็นสายการบินกาตาร์ แอร์ไลน์ แน่นอนครับต้องไปเปลี่ยนเครื่องที่กาตาร์ เราค่อนข้างที่จะเป็นกังวลมากตอนนั้นเพราะว่าเล่นเดินทางคนเดียว บินไปต่างประเทศเป็น ครั้งแรก

7121900360119

แถมต้องไปเปลี่ยนเครื่อง กลัวจะทำไม่ถูก ส่วนพวกสัมภาระนั้นของเราเข้าใต้เครื่องได้ 30 กิโลกรัม เอากระเป๋าขึ้นเครื่องได้อีก 7 กิโลกรัม ตอนเช็คอินเนี่ยก็กลัวมากเลยว่าน้ำหนักจะเกินหรือเปล่า เท่านั้นแหละครับปรากฏว่า 20 กิโลกรัมเอง คือเสียดายอ่ะตั้ง 10 กิโล น้ำตาจะไหลเลยครับด้วยความเสียดาย หรือความประทับใจในความเก่งของตัวเองที่พาของไปน้อยแต่มีประสิทธิภาพกันแน่ว่างั้น เวลา 02:05 น. ของวันที่ 1 ตุลาคมเครื่องออกจากประเทศไทย ความรู้สึกตอนนั้นคือไม่ตื่นเต้นเลยสักนิดเป็นความกังวลซะมากกว่า กังวลว่าไปถึง Doha แล้วจะเปลี่ยนเครื่องถูกไหม อาหารบนเครื่องก็มีให้เลือกสองถึงสามอย่างซึ่งเราก็ไม่หิวเลยสักนิดเดียว ง่วงนอนซะมากกว่าเพราะมันช่วงหลังการสอบนิครับ คือคิดว่าจะมานอนบนเครื่องอยู่แล้ว แถมแน่นอนครับก่อนขึ้นเครื่องจัดมาแล้วเต็มที่พวกอาหารไทยที่ต้องจากกัน (เศร้า) ตอนนั้นก็เลยทาน ข้าวต้มปลา มันมีอย่างอื่นด้วยแต่ก็ทิ้งอะครับทานไม่ลงจริงๆ ก็พยายามทานๆ เข้าไปครับ จากนั้นก็หลับตานอนตลอดการเดินทางเลยจนมาถึงสนามบิน Doha เวลา 04:55 น. (เวลาของเมืองโดฮา) เครื่องบินลงจอดที่นอกตัวอาคารแล้วจะมีรถมารับ ไปที่ตัวอาคาร ส่วนผมก็เพิ่งตื่นก็ไม่รู้ยังไงก็เดินตามๆ เขาไปจนถึงตัวอาคาร เราก็มองหาเที่ยวบินไปฟินแลนด์ มาถึงตรงนี้ก็มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาช่วยหา gate ที่โชว์ในมอนิเตอร์ให้ว่าไปทางไหนต่อ ไม่ได้ซับซ้อนครับ แค่เดินไปตามป้ายก็พอ แต่ไกลมากๆ เลยเดินเกือบจะสี่สิบนาทีขนาดเดินเร็วแล้วนะ เหนื่อยมากครับอะครับ หรือที่จริงจะขึ้นรถไฟในตัวอาคารก็ได้

171219_0102
171219_0036

เวลา 08:20น. เครื่องออก ก็เหมือนเดิมครับหลับตลอดการเดินทาง ตอนไปถึงสนามบิน Helsinki เครื่องดีเลย์ไป 40 นาทีครับ มาถึงก็เจอฝนกับลมอันเหน็บหนาวเลยครับ เครื่องลงจอดนอกอาคารเหมือนเดิม วันนั้นรู้สึกจะสิบองศาได้ คือตอนนั้นใส่แค่เสื้อยืดโครงการฯ ตัวเดียวด้วย โอ้ยสภาพ จากนั้นเราก็เดินๆ ตามเขาไปก็สั่นไป เพราะความหนาว หนาวจะพอไหวแต่เจอลมเข้าด้วยสุดๆ ไปเลยครับ และแล้วผมก็ด้านมาถึง ตม ที่รอคอย ผมต่อแถวไปสักพักจนมาถึงคิว ตื่นเต้นกว่าบอกรักอีกมั่งเนี่ย ตม เขาก็ถาม เดินทางคนเดียวรึเปล่า มาที่นี้ทำไม ที่ฟินแลนด์จะไม่มีการประทับตราใดๆ ทั้งสิ้นนะครับ แต่จะมีเป็นบัตรแทน แล้วเขาก็ดูมันแล้วบอกว่ามันยังใช้ไม่ได้นิ คือบัตรผมรู้สึกมันจะเรียงวันกับเดือนต่างจากคนอื่นอะครับ ผมก็ไม่รู้จะตอบยังไง เขาก็เลยเปิดดูเอกสารที่เกี่ยวกับการอนุญาตวีซ่า แล้วเขาก็บอกเขาผิดเอง แล้วคำถามต่อไปเขาถามว่าต่อไปจะไปไหนต่อซึ่งผมก็จำไม่ได้ครับ ว่าชื่อเมืองอะไร เพราะอ่านไม่ออกครับ ซึ่งมันมีเขียนอยู่ในกระดาษสักแผ่น ผมคิดว่ายื่นให้เขาไปแล้วรวมกับวีซ่า เขาก็เปิดอยู่หลายรอบแล้วจู่ๆ ก็บอกให้ผมไปติดต่อตำรวจ ซึ่งผมรีบเช็คในกระเป๋าเอกสารเลยครับ ปรากฎว่าลืมยื่นให้เขาดู ซึ่งเสียเวลากับตรงนี้มากกกก เรียกได้ว่าคนที่รอต่อแถวผมนิบ่นแล้วละครับ แต่จะไม่ใช่ภาษาอังกฤษแต่ผมรู้ นินทาเราอยู่แน่ๆ จนสุดท้ายเจ้าหน้าที่ก็ดูเรียบร้อย เขาก็เอามือมาตบไหล่ผมบอกเก่งมากเป็นการบอกลาผม

171219_0033

ผมรีบหายไปจากที่นั้นด้วยความเร็วดั่งแสง ไปรับกระเป๋าแล้วไปเจอกับโฮส มี host dad กับ host sis 2 คนมารับ จากนั้นก็ต้องนั่งรถ ไปอีกชั่วโมงกว่าๆ ไปเมือง Inkeroinen เราก็เล่นหลับเกือบตลอดทางเพราะค่อนข้างจะเมารถ และแน่นอนครับวันแรกใครๆ ก็เกร็งทั้งนั้นแหละครับ ไม่รู้จะทำตัวอย่างไร ผมนิเรียบร้อยกว่าแม่ชีซะอีก เขาก็หวังดีครับถึงเมืองก็พาขับรถวนดูรอบๆ แต่เส้นทาง กับการขับรถของคนฟินแลนด์นิผมยกธงขาวเลยครับ ผมเมาทุกครั้ง เพราะรถมันเป็นแบบคันเล็กแบบเตี้ยๆอะครับซึ่งผมค่อนข้างจะไม่โอเคเลยละ มาถึงบ้านโฮสก็เป็นบ้านหลังใหญ่ฮะ สบาย มีบริเวณกว้างพอสมควรแถมหลังบ้านติดแม่น้ำชอบมากๆเลย แล้วก็ได้ทำความรู้จักกับ host mom และ host bro ตัวใหญ่มากตอนจับมือ มือเราเหมือนโดนกลืน นิเขาอายุน้อยกว่านะ แต่ว่าเขาเป็นคนขี้อายนะแต่หน้าจะไม่แสดงออก เอาจริงนะคนที่นี่เราว่าผู้หญิงจะอยู่แบบกล้าๆ กว่าผู้ชาย ส่วนพวกญาติของโฮสก็มีโอกาสได้พบกันตอนงานวันเกิดของแม่ของโฮส ก็ใจดีครับแต่ผมก็เกร็งๆ ไป 555 แถมบางคนยังเคยไปที่ไทย อย่างกระบี่ ตัวเรายังไม่เคยไปเลย ก็เลยพอมีเรื่องคุยกันหน่อยเพราะพวกเขาก็อยากรู้เรื่องบ้านเมืองเราพอสมควรเลย

ส่วนในการไปโรงเรียนของผมคือต้องขึ้นรถบัสจาก Inkeroinen ไปเมือง Kouvola ก็ประมาณ 40 นาทีอะครับ แต่ก่อนที่ผมจะไปที่ป้ายรถบัสได้ก็ประมาณ 25 นาทีอะครับจากบ้านโฮส รถบัสไปถึง Kouvola ก็จะไปลงที่สถานีรถไฟเพราะอยู่ไกล้โรงเรียนที่สุดแล้วเดินไปอีก 15 นาที ก็จะถึงโรงเรียน วันแรกที่ผมไปเรียนก็ประมาณกลางๆเทอมแรกแล้ว ในหนึ่งวันที่โรงเรียนจะเรียน 4 วิชา หรือมากสุดก็ 5 ครับ คาบละชั่วโมงสิบห้านาที แล้วจะมีเวลาเปลี่ยนคาบอีกสิบถึงสิบห้านาที คาบแรกจะเริ่มตอน 08:20น. เด็กส่วนใหญ่ก็จะเลิกกันประมาณ 14: 30น. ถ้าไม่ลงคลาสเต้นหรือกิจกรรมพิเศษ ซึ่งอันนี้ขึ้นอยู่กับการลงวิชานะ ระบบที่นี้จะเป็นแบบมหาวิทยาลัย เข้าออกโรงเรียนได้ตลอด เรียนก็เรียนเป็นกลุ่มๆ อาหารเที่ยงที่นี้ไม่ต้องซื้อครับ โรงเรียนจัดให้แต่ก็ไม่มีอะไรอย่างอื่นขายเลย ใครกินไม่ได้ก็ทำใจไปครับเพราะอาหารบางอย่างคนที่นี้เองก็ไม่ชอบเหมือนกัน ส่วนวิชาที่ผมเรียนตอนเทอมแรก ก็มี history biology ที่เรียนเป็นอังกฤษ อังกฤษ ดนตรี พละ ศิลปะ คณิต วิชาหนึ่งก็จะมีสามครั้งต่อสัปดาห์ ยกเว้น พละมี 1ครั้งต่อสัปดาห์ และ ดนตรี 2 ครั้งต่อสัปดาห์ ตอนนี้ผมกำลังเรียนอยู่เทอมสองแล้วละครับ ซึ่งต้องลงวิชาใหม่ทุกเทอมนะครับ ฟินแลนด์มีการสอบทุกครั้งที่จบเทอม สรุปสอบถี่กว่าที่ไทยซะอีก เผื่อบางคนเคยได้ยินว่าฟินแลนด์เรียนสบายไม่มีสอบ ไม่มีการบ้าน การบ้านก็มีครับแต่ไม่ได้มาก การดูแลนักเรียนที่นี้ดีเวอร์มากๆ ครับ ซึ่งมันจะมีห้องคล้ายๆ ห้องสอบปากคำซึ่งนักเรียนสามารถไปปรึกษาครูได้ทั้งวัน การเรียนที่นี้จะมีแอฟ Wilma สะดวกมากครับแอฟตัวนี้ จะลาป่วยหรือมีคำถามก็ให้แจ้งผ่านแอฟนี้ซึ่งครูจะตอบเร็วมาก การบ้าน กำหนดสอบ ข่าวสารของโรงเรียน ตารางเรียนของตัวเองในวันนี้ หรือกำหนดการ การเรียนของทั้งเทอมก็มีครับ หรือจะเป็นการลงวิชาทำได้หมดเลยครับ สะดวกดีมากๆ

ส่วนในการหาเพื่อนของเรานั้นในตอนแรกสุด คือครูให้ไปแนะนำตัวหน้าชั้น แล้วพอจะเริ่มเรียนก็มีผู้ชายแก๊งหนึ่งเรียกไปนั่งด้วยกันต้อนรับอบอุ่นมากเวอร์ ซึ่งเพื่อนคลาสนี้จะสนิทมากที่สุดเพราะ เจอกันบ่อยแถมใจดี เฟรนรี่สุดๆ แถมเก่งอังกฤษมาก กล้าแสดงออกสุดต่างจากคนฟินแลนด์คนอื่นที่จะไม่ชอบพูดชอบ alone รักสันโดด ส่วนในคลาสอื่นๆ ก็ต้องหาเพื่อนเพิ่ม การหาเพื่อนของเรา เราต้องเริ่มพูดก่อนมั่ง ทักก่อนบ้าง แบบถ้าไม่รู้จะเริ่มยังไงก็จะถามเรื่องปัญหาแบบครูพูดอะไรอะเราไม่เข้าใจ จากนั้นก็ค่อยถามชื่อ บราๆ ว่าไป มันอาจจะหายากมั่งเป็นบางครั้ง เพราะบางคนนิชอบตีหน้ายักษ์ตลอดเวลา ก็พยายามเมดเฟรนไปแล้วกันจะให้ทำไงได้ นั้นแหละคนฟินแลนด์ แถมผู้ใหญ่บางคนในฟินแลนด์ชอบขี้เมา ต้องระวังตัวเวลาไปในบางที่นะครับ แต่ส่วนมากก็ดีนั้นแหละครับปนๆ กันไป บางคนเขาอยากพูดกับเรานะแต่เขาแค่ไม่อยากพูดอังกฤษเหมือนอาย คนที่นี่ขี้อายอย่างว่าแหละครับ แต่พวกเขาบ้าคลั่งมากกับกีฬาฮอกกี้ อารมณ์เหมือนเราเชียร์บอลบ้านเรานั้นแหละครับ แต่นี้อารมณ์เหมือนเก็บกดหน่อยๆ

171219_0103
171219_0022

สุดท้ายก็ขอฝากน้องๆ ที่อยากมาแลกเปลี่ยนฟินแลนด์นะครับ ไม่จำเป็นต้องฟินแลนด์ก็ได้ บอกเลยว่าพี่แฮปปี้กับการมาแลกเปลี่ยนที่นี้ ถึงจะเจอปัญหาบ้างไรบ้าง แต่นั้นแหละครับที่กลายเป็นประสบการณ์ที่ดีของเรา มันเป็นสีสันอย่างหนึ่งที่จะเติมให้กับชีวิตเราให้มี อรรถรส พี่บอกเลยมาที่นี้ของกินอร่อยนะ อย่างพวกช็อคโกแลต นม และอย่างอื่นมากมายๆ บางอย่างแรกๆ พี่กินพี่ก็แหวะ กินไม่ได้ แต่พออยู่ๆ ไปมันก็อยากขึ้นมากจนกลายเป็นชอบ แบบนี้ก็มีเว้ย 555 แถมใครชอบมุมินมาเถอะมันรออยู่ที่ฟินแลนด์นี้แหละ ดังนั้นเราจะขอฝากไว้ “มาเยือนฟินแลนด์ไม่ฟินได้ไง” ชื่อประเทศก็บอกอยู่ว่าฟินไม่ฟิน ขอบคุณที่อุตส่าห์อ่านจนจบนะครับ

ขอขอบพระคุณทางโครงการ YES
พศวัต ทองกาวแก้ว

Click to rate this post!
[Total: 0 Average: 0]